Monday, November 14, 2011

วินเทจบาร์บี้ : 1963 การมาของ Fashion Queen


credit : http://www.freewebs.com/barbie-teenage-fashion-model/thefashionsof1963.htm
http://www.fashion-doll-guide.com/Vintage-Barbie-1963-1964.html
ภาพบางส่วนจาก google จำที่มาไม่ได้แล้ว และ Mattel


อีกก้าวสำคัญปี 1963 นี้

คือการถือกำเนิดของบาร์บี้ Fashion Queen




บาร์บี้ Fashion Queen เป็นตุ๊กตาที่ส่วนของผม จะขึ้นโมพลาสติกเป็นชิ้นเดียวกับหัวเลย
พร้อมคาด Headband สีฟ้า
สาเหตุที่ต้องทำเช่นนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการใส่ "วิกผม 3 ชิ้น" ที่ให้มาในเซ็ทต่างหาก


เพราะในช่วงกลางจนถึงปี 1960 วิกเป็นแฟชั่นที่นิยมของเหล่าวัยรุ่นไฮสคูลมาก
เด็กสาวหลายคนโยนวิกทิ้งไปเมื่อเวลาเลยผ่าน พอกลับมาเห็นบาร์บี้เซ็ทนี้ ในปี 1963
ก็คล้ายเป็นอาการ  Nostalgia กรี๊ดสลบหลงใหลขึ้นมาอีกครั้ง


คุณจะเห็นความเฉียบขาดในการออกแบบชุด ลายเส้นสีทองที่ตัดกัน และหมวกครอบ
เป็นอะไรที่น้อย แต่เด่นมาก
บาร์บี้รุ่นนี้มีการทำซ้ำในปี 2010 ตามเก็บกันได้นะคะ


เซ็ทชุดที่ทำออกมาในปีนี้ก็มีหลากหลาย
บางชุดต่อยอดจากที่เคยทำมาแล้วก็มี 







มีชุดไหมพรมที่ขายแยกชิ้นด้วย



แล้วก็ยังมีเซ็ทพิเศษ Barbie Baby Sits
โดยรูปแบบชุดก็นำมาจาก Paks เพียงแต่ผ้ากันเปื้อนมีความเฉพาะกิจมากขึ้น
ในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนยังมี list เบอร์โทรที่จำเป็น ถือเป็นรายละเอียดที่น่ารักมาก


ในเซ็ทยังให้เด็กอ่อนมาด้วย


และยังมีหนังสือพร้อมสายรัด อ่านแก้เบื่อระหว่างเด็กหลับ
เล่ม how to lose weight นั้น ด้านหลังเขียนว่า don't eat
เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่า ชี้นำให้เด็กสาวอดอาหารเพื่อให้มีหุ่นในฝันอย่างบาร์บี้ด้วย



ส่วนชุดที่น่าจับตามอง จนนักสะสมเก็บกันราวของล้ำค่านั้นมี 2 ชุด
Career Girl
เป็นชุดสูทผ้าเกล็ดสี smart grey แถมหมวกที่เธอใส่เป็นสไตล์ที่ถอดแบบมาจากปี 1920
ถือว่า chic เอามากๆในยุคนั้น




และอลังการงานสร้าง ไม่เก็บไม่รู้ว่าไงแล้ว กับชุด
Sophisticated Lady
เป็นชุดที่ให้ภาพหญิงสาวผู้สูงส่ง ถ้าเธอไม่เป็นเจ้าหญิงก็คงเป็นลูกสาวท่านทูตซักคนเป็นแน่
ผู้ออกแบบเลือกใช้ผ้าคุณภาพสูง อย่างผ้ากำมะหยี่สี deep pink ที่โค้ทด้านนอก
และลูกไม้สีเงินที่ด้านใน เมื่อถอดชุดคลุม แฟนๆบาร์บี้ถึงกับรำพึงว่า ว้าว!



นอกจากนี้ ปี 1963
ยังมีการเปิดตัวเพื่อนสาวคนสนิทของบาร์บี้ เธอชื่อ Midge ซึ่งจะเขียนถึงในภายหลัง


สรุปภาพรวมปี 1963 ได้ตามโฆษณาชิ้นนี้






No comments:

Post a Comment