Friday, April 19, 2013

งานดีเกลื่อนเลย โพสเก็บไว้กันลืม

1.  Campaign ฉลอง 80 ปี Lacoste

เล่าผ่านเสื้อที่เป็นไอคอนมาตลอด 80 ปี คือ เสื้อโปโล เชิ้ต L.12.12
งานนี้สวยจริง สวยตั้งแต่โลโก้เลข 80



Animation 1 นาที




เว็บไซต์ http://www.lacoste.com/polo/#!/1933
และเกมส์บนเว็บ






ถ้าจะเก่ง Art ขนาดนี้ล่ะก็ ยอมแพ้..

2. นสพ. Guardian ไว้อาลัย PM Margaret Thatcher
    คอนเซ็ป The Marmite PM



โดยบังเอิ้ญไปชนกับงาน illustrate ของ Lucy Wragg
มีแววว่าไม่ใครก็ใครคงลอกมา



3. Self Portrait by DOVE
เช็คระดับ self esteem ง่ายๆ โดยให้ผู้หญิงวาดรูปตัวเอง และให้คนภายนอกที่ไม่รู้จักกันมาก่อนวาด










Saturday, April 13, 2013

โตเกียวฮาโกเน่ : ฮาโกเน่สิจ๊ะ 27-03-2013


ตื่นกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า
แม้ตาจะหลับ จิตใต้สำนึกยังไม่ตื่น
แต่แขนขาก็ทำหน้าที่ลุกไปอาบน้ำร้อนๆ แปรงฟันแต่งตัวในที่สุด

เก็บกระเป๋าฝากเรียบร้อย แล้วออกเดินทาง
ตั้งต้นไปที่ชินจูกุก่อน
เพราะรถไฟที่เราใช้เดินทางออกไปฮาโกเน่ในหนนี้คือ
รถไฟ Odakyu สายโรมานซ์




ที่สถานีชินจูกุก็เจอพี่ม่อนกับพี่มีก่อนเลย
คล้ายโปรโมท
แต่เอ จังหวัดที่เราจะไปไม่มีมิวเซียมโดราเอม่อนนี่ สงสัยโปรโมทขบวนอื่น




รถ Odakyu สายนี้ทีชื่อรหัส เช่น 009
มีกระจกหน้าต่างบานโต เน้นให้ชมวิว
เก้าอี้เบาะใหญ่นุ่มนวล หันไปทางเดียวกันเหมือนรถทัวร์ดีๆ
และเก้าอี้สามารถหมุนกลับ 90 องศาได้ ในกรณีที่มากับเพื่อนสี่คน
ราคาสูงกว่ารถธรรมดา แต่บริการเริ่ด
มีห้องน้ำในขบวนและมี Hostress ด้วย


  
ขึ้นรถไม่นานก็หลับ
วิวเวิวไม่ได้ชม
ก็มันง่วง

นี่คือกาแฟที่ซื้อจาก Hostress บนขบวนรถ
และยังมีขนม pudding โปรโมทเทศกาล sweet collection Hakone
ที่ขายเฉพาะบนรถนี่เท่านั้น

ดูวิวข้างทางได้แค่ช่วงแรกที่เริ่มออกนอกเมือง
ที่เหลือหลับแหลก

น่านไงล่ะ
ตื่นมาอีก 1 ป้ายก็ฮาโกเน่แล้ว
ไม่ได้ชมวิวเลย 555


มาถึงสถานี Hakone Yumoto
ซึ่งถือเป็นสถานีใหญ่ และใช้ตั้งต้นเดินทางไปไหนต่อไหนในเมืองนี้
มีพี่ม่อนตั้งอีกแล้ว
ยอดเริ่มตั้งข้อสังเกตว่า มีคนตามถ่ายรูปโดราเอม่อน เก็นสะสม
แถมมีสมุดสแตมป์ตรายางม่อนด้วย
พอแอบชะโงกดูของคนอื่นก็เห็นตรายางม่อนจะรอให้เราไปปั๊
ณ จุดต่างๆของย่านฮาโกเน่นี่เอง


สถานีนี้น่ารักดี
มีร้านข้าวกล่องน่ากิน ข้างล่างสถานีก็เป็นตลาดของฝากเล็กๆ


เอาของหนักๆฝากใส่ล็อคเกอร์ไว้ก่อน
แล้วต่อรถ Tozan train ที่นี่เลย

เนื่องจากภูมิประเทศของเมืองนี้เป็นทิวเขาสูง ที่โอบล้อมทะเลสาบ
การเดินทางในฝั่งเขาจึงต้องใช้รถไฟดั้งเดิม
ค่อยๆแล่นไต่ความสูงขึ้นไป
โดยรางรถไฟจะมีลักษณะซิกแซก หักไปมาจนขึ้นไปบนเขาสูง
ระหว่างรอยหยักซืกแซก
จะมีการสับเปลี่ยนหันหน้าหัวขบวน จากฝั่งซ้าย เป็นฝั่งขวา
ขวาเป็นซ้าย ไต่ซิกแซกจนเจอเส้นทางตรง
ช้าได้ใจ

เจ๋อมาก เลือกนั่งหน้าขบวนก่อนเลย เห็นทั้งห้องเครื่อง ทั้งวิว

ยอดหน้าตามีแผนชั่ว อยากเข้าไปปรับคันเร่ง

ไม้ๆ สวยคลาสสิกดี

ออกตัวล่ะจ้า

ช่วงแรกๆมีลอดอุโมงค์

ข้ามสะพานเหล็กที่ทอดข้ามหุบเหวลึกระหว่างเขาสองลูก
สะพานนี้หากมองจากนอกขบวนจะสวยจ๊าบมาก

พอข้ามเหว คนทั้งขบวนก็ร้องฮือฮา ประหนึ่งเจอดาราดัง
รูปถ่ายสู้ตาเห็นไม่ได้เลย
สวยมากๆ

ถึงที่หมายแระ
ไม่ใช่
ทำไมตัน
อ๋อ กลับหัวขบวนเป็นอีกฝั่ง
เรากลายเป็นรั้งท้ายขบวนแทน

ทันใดนั้นหมอกชื้นๆก็เริ่มลง
ไม่รู้เป็นเพราะสูง
หรือสภาพอากาศแปรปรวน
ถ่ายอะไรก็ฟุ้ง เหมือนใส่ filter ละครรักโรแมนติก

บางจังหวะต้องหยุดให้รถสวน

เปลี่ยนด้านขบวนอีกครั้ง



นั่งนาน ทั้งๆที่ไม่กี่สถานี
จนไปถึงสถานีสุดท้ายของ Tozan train
ชื่อสถานี Gora
ก็ลงไปเดินเที่ยวกัน

ที่ Gora ต่อรถ Tozan Cable ไต่สูงขึ้นไปเป็นแนวเฉียงได้
แต่เอาไว้พรุ่งนี้ 


โมเดลรถ Tozan train
วินเทจป่ะล่ะ

หมอกลงระดับ 5
ทิวทัศน์เป็นสีสด แต่ขุ่นขาว ดูมี dept
บรรยากาศเงียบๆ สงบๆ
ที่นี่แหละดินแดนที่ให้กำเนิดผีเดอะริง


จงมองยังภูเขาสวย
อันลุกโชติช่วงด้วยสดสีสันแห่งพฤกษานั่นสิ
ในการมีชีวิตอยู่ก็เช่นกัน
จงเผาใจคุณ แลดอกไม้แห่งความฝัน ให้โชติช่วงเช่นกัน

หมอกลงจนเสื้อผ้า และหัวกบาลชื้น
เดินขึ้นเนินเฉียง 40 องศา 
ชมร้านเล็กๆสองข้างทาง และที่พักน่ารักๆ
เพื่อมุ่งหน้าขึ้นไป Gora Park
อุทยานไม้งามอร่ามสวนนั่นเอง




ครืดๆๆๆๆๆ
ไม่ใช่เสียงลากรองเท้าแต่อย่างใด
แต่เป็นเสียงกระเพาะหิวจัด
เลยแวะข้างทางหาอะไรกิน

เจอร้านข้าวหมูทอดที่ตกแต่งได้ Cult มาก
เหมือนเอาของฝากราคาถูกทั่วหล้า
มาแต่งทุกซอกมุมร้านจนยุ่บยั่บ
มีตุ๊กตาที่คีบจากตู้เกมส์ด้วย 





และที่เด็ดสุดคือ ห้องน้ำ
แต่งตุ๊กตาเพียบ
จะใช้ทีเกรงใจมาก




เอาล่ะ ท้องอิ่ม เดินไป Gora Park ต่อ

ที่นี่ถ้าฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้บานคงสวยน่าดู
และมาตอนหนาว และหมอกจัดแบบนี้ ก็สวยอีกแบบ
เป็นวิวแบบที่ไม่เคยเห็นจริงๆ



มีโซนพืชเมืองร้อน กล้วยมะละกอเฟื่องฟ้าของพี่ไทยเราเพียบ







ป่าเดอะริง

บ้านชงชาเดอะริง

ผีเดอะริง!!!






เดินชมวิวในหมอกอย่างเพลิดเพลิน
ต้นไม้ยืนต้นสูงใหญ่
โดราเอม่อนไม่เข้าพวกยืนแอบอยู่ พร้อมผ้าคลุมกาลเวลา
กาลเวลาของเราเหมือนยืดขยาย
หดสั้น จนไม่รู้เวลาไปชั่วขณะ






หมอกลงระดับ 9 
ความหนาวเย็นระดับ 10
ความเหงาวังเวงก่อตัว
คนหายไปไหนหมด เหมือนมีแค่เราสามคนมาเดินกลางป่าเดอะริง

เดินจนมาถึงหน้าอาคาร Craft House



พอเปิดประตูเข้าไป
แม่เจ้า อากาศอุ่นๆจากฮีทเตอร์
คนอัดแน่นเพ้นท์กระจก ปั้นดิน
ซื้อของฝาก
ไอ้วังเวงตะกี๊ ภาพลวงตาชัดๆ






มาหลบหนาวในนี้กันนี้เอง
ปล่อยสามคนไทยเดินหนาววังเวงข้างนอก ชิ

แล้วก็เดินทางกลับ
ด้วยรถไฟแบบเดิม คราวนี้นั่งท้ายขบวน
ลักษณะที่นั่งเป็นอีกแบบ




ง่วงมากกกกกก
แอบถ่ายยอดหลับ
ก่อนที่ตัวเองจะหลับตามไป
ฝันถึงผีเดอะริงสุดสวย



ย้อนกลับมายังสถานีเดิม Hakone Yumoto
หากเดินข้ามฟากจากสถานีลงมาที่ถนน
จะมีเส้นทางเดินไปคลองส่งน้ำได้
และจะเห็นทิวทัศน์น่ารักๆแบบนี้
คนมานั่งเล่น พาหมาเดินเล่น
เดินไต่ไปตามหินแต่ละก้อนในน้ำ สวยดี





ย้อนกลับมาตลาดริมถนน
ซื้อเสบียง และข้าวกล่อง
รวมทั้งเบียร์ สาเก ขนกลับที่พักคืนนี้
เพราะไม่ได้ซื้อเซ็ทอาหารเย็นของที่พักไว้

ที่พักนั้นเราสามารถเดินไปได้ จากสถานี
 ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ระหว่างทางน่ารักเพลินตา ได้บรรยากาศ

ที่พักชื่อว่า Hakone Nomori Okada
อยู่ด้านหลังโรงแรม Okada ใต่หน้าผาสูงขึ้นไป
เป็นโรงแรมที่ดาวน้อยกว่า แต่ก็สุดยอดมากในสายตาเรา
ราคารับไหว


 ห้องกว้าง มีห้องโถง ห้องอาบน้ำ ห้องส้วมแยกจากกัน
มีชาเขียวในห้อง และขนมฟรี
กาน้ำร้อน ทีวี โต๊ะ เบาะนั่งเล่นแบบญี่ปุ่น
โต๊ะเก้าอี้รับแขกแบบฝรั่ง


ห้องแบบ mixed-type 



จากระเบียงชั้นสาม มีทางเดินเชื่อมไปอาคารนี้
เป็นอาคารออนเซ็นนั่นเอง
สารพัดบ่อ ให้เลือกแช่ 
วันนี้จบที่ทอดกายล่อนจ้อน หย่อนตูดลงน้ำร้อน
ผ่อนคายจนใจเต้นตุบๆ เพราะเริ่มทนร้อนไม่ไหว
ลุกขึ้นจากบ่อด้วยกายสีแดง เลือดแล่นไปทั่วตัว
รู้สึกสดใส หายปวดเมื่อย
เบียร์เย็นๆรออยู่ที่ห้องพัก
รีบเดินกลับห้องดีกว่า

วันนี้ฟิน